ลมคืออากาศที่เคลื่อนที่ได้ มนุษย์
สัตย์หรือพืชก็ต้องใช้อากาศหายใจ อากาศนั้นสามารถอยู่ได้ทุกที่
เช่นนำถ้วยแก้วมาหนึ่งใบเอากระดาษติดลงไปในถ้วยแก้วจนแน่ใจว่าถ้าเราคล่ำถ้วยกระดาษจะไม่หล่นลงมา
แล้วยกถ้วยแก้วออกก็จะเห็นว่ากระดาษไม่เปียกน้ำเลย
ก็เพราะระหว่างกระดาษกับน้ำนั้นจะต้องมีอะไรมากั้นตรงกลาง
นั้นก็คืออากาศอากาศไม่มีขนาดหรือรูปร่างแต่อากาศจะซ่อนตัวอยู่ทุกที่
แรงดันของอากาศ
คือ แรงที่อากาศกดลงพื้นผิวของวัตถุต่างๆ
การใช้อากาศในการยกหนังสือ นำลูกโป่งใบใหญ่สอดไว้ที่ใต้หนังสือที่เราจะยก
จากนั้นก็เป่าลูกโป่ง ก็จะเห็นหนังสือค่อยๆถูกยกขึ้น
การที่ลูกโป่งยกหนังสือได้ก็เพราะใช้หลักการแรงดันอากาศ
เมื่อเราเป่าลมเข้าไปในลูกโป่ง ก็จะทำให้อากาศในลูกโป่งเพิ่มจำนวนขึ้น
อากาศจึงทำให้ผิวลูกโป่งขยายใหญ่ขึ้น แรงดันจึงทำให้หนังสือลอยขึ้นมา
การนำแรงดันอากาศมาใช้ในชีวิตประจำวัน
เช่น การเจาะรูกระป๋องนมจะต้องเจาะยังไงถึงจะมีนมไหลออกมา
นำน้ำที่ผนึกไว้สนิทสองใบ ใช้หลอดเจาะใบละหนึ่งรูก่อน แล้วเทน้ำใส่แก้ว
น้ำไม่ไหลสักแก้วที่นี้ลองเจาะแก้งแรกอีกรูติดๆกัน แล้วเทน้ำอีกรอบน้ำก็ไม่ไหล
ลองเจาะรูอีกแก้วที่ฝั่งตรงข้ามรูแรกแล้วลองเท น้ำก็จะไหลออกมา
แต่ถ้าเราปิดรูด้านบ่นไว้น้ำก็จะหยุดไหล ที่เป็นแบบนนี้ก็เพราะเจาะรูไว้คนละที่
แก้วแรกเจาะรูติดกัน
เมื่อเทน้ำไม่ออกก็เพราะอากาศภายนอกจะคอยดันน้ำไว้ของรูทั้งสองไม่ให้ไหลออกมาได้
อีกแก้วที่เจาะรูที่ฝั่งตรงข้ามแล้วไปดันน้ำในแก้วอีกที อากาศภายนอกจึงดันไว้ไม่อยู่น้ำเลยไหลออกมาได้
แต่พอเราปิดรูด้านบ่นไว้อากาศก็ไม่สามารถดันน้ำให้ไหลออกมาได้ น้ำจึงหยุดไหล
อากาศร้อนหรือเย็นมีแรงดันอากาศมากกว่ากัน
นอกจากอากาศที่ร้อนจะมีแรงดันน้อยกว่าอากาศเย็น
อากาศที่เคลื่อนที่ก็จะมีแรงดันน้อยกว่าอากาศที่อยู่นิ่งๆ
เช่นมีลูกโป่งแขวนอยู่สองใบอยู่ห่างกันพอประมาณ ลองเป่าลมเข้าไปตรงกลาง
ลูกโป่งก็จะเคลื่อนที่เข้ามากัน
ก็เพราะการเคลื่อนที่ของอากาศผ่านระหว่างลูกโป่งทั้งสองลูก
ในขณะที่เราเป่าลูกโป่งนั้นอากาศจะมีการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
และอากาศที่เคลื่อนที่นั้นจะมีแรงดันอากาศลดลง
ทำให้อากาศด้านข้างของลูกโป่งทั้งสองลูกที่อยู่นิ่งๆมีแรงดันมากกว่า
จึงดันลูกโป่งให้เข้ามาชิดกัน
แรงต้านอากาศ
คือ แรงที่อากาศต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุต่างๆ
เช่นเวลารถวิ่งก็จะมีลมพัดส่วนมา
ก็คือลมที่อากาศกำลังต้านสวนมาไม่ให้รถวิ่งไปข้างหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น